มันถึงเวลาที่ต้องมาตั้งกระทู้แล้วล่ะครับ ในขณะที่กำลังพิมพ์อยู่ ผมเองรู้สึกอึดอัดใจ รู้สึกแย่กับตัวเองเป็นอย่างมาก ตั้งแง่ตลอดว่าทำไม เราดีกับเพื่อน และพร้อมที่จะให้เพื่อนได้ทุกอย่าง ซึ่งตัวผมเองก็ไม่รู้ไปสร้างเวรสร้างกรรมอะไรมา เกิดมาเพื่อให้คนอื่นตลอด ทั้งๆที่สิ่งที่ได้กลับมามันทำให้เราแย่ เป็นคนรักคนอื่นมากกว่าตัวเอง ทุกคนก็บอกผมนะให้ทำแบบนั้นแบบนี้ แต่มันบังคับไม่ได้เลยจริงๆ ถูกแล้วใช่มั้ยที่ผมจะไม่ฝืนตัวเอง ก็รู้ว่ามันแย่แต่ก็เต็มใจที่จะทำ (หลายคนคงถามแล้วจะบ่นทำไมในเมื่อก็รู้) เอางี้ดีกว่า มีหลายประเด็นเลยที่ผมอยากปรึกษา เผื่อว่าอะไรๆจะทำให้ผมคิดได้บ้าง
เริ่มจากสังคมเพื่อน ตัวผมเองมีความเป็นผู้นำสูง จะได้รับมอบหมายให้เป็นผู้นำตลอด แต่ด้วยการเป็นผู้นำ ถ้าในการทำงานเราคือผู้นำกับผู้ตาม ซึ่งผมจะเด็ดขาดมากในการทำงาน และจะไม่เห็นแก่เพื่อน ถ้าตรงไหนไม่ดี ชี้แนะ ติเตือน ผมก็ว่าหน้าที่ของผม ที่ผมทำอยู่มันจะทำให้งานสำเร็จและออกมาด้วยดีเป็นที่น่าพอใจในที่สุด และหลังจากนั้น เพื่อนก็คือเพื่อน เต็มที่ทุกอย่าง รับฟังทุกอย่าง อะไรปรับได้แก้ได้ จะเอามาทบทวน แต่การเป็นผู้นำ มันก็ไม่ได้ดีเสมอไป มันทำให้หลายสิ่งถูกขัดแย้ง ใช่อยู่ว่ารับฟัง แต่เวลาทำอะไรมันออกมาไม่สำเร็จ เราเป็นในหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบ ก็ต้องจัดการเองทั้งหมด พูดได้เลยว่าเหนื่อยในระดับนึง แต่ก็ไม่เคยละเว้นงานอยู่แล้ว พอจัดการออกมาไม่ถูกใจ ก็จะมาคัดค้าน เรื่องเยอะ ด่าทอส่อเสียด วิจารณ์ต่างๆนานา จนทำให้เรารู้สึกว่านี่หรือเพื่อน พูดอะไรบางทีมันก็มากเกินไป ทั้งๆที่ไม่ได้ทำอะไรเลย ลึกๆแอบนอยมากนะ เวลามันคิดยังไงก็จะเสนอให้ทำแบบนั้น พอเราเสนอสิ่งที่ดีกว่า ก็จะพยามเอาพวกให้คิดแบบเดียวกับมัน และนี่เป็นเหตุผลที่ทำให้เกิดความขัดแย้ง ปัญหาค่อนข้างมาก ทำให้เรารู้สึกว่า เพื่อนเกลียดเราป่าวว่ะ? ก็คิดอยู่เหมือนกัน
เรียนมหาวิทยาลัยมา รู้สึกว่าจะไม่มีเพื่อนเลย ก็ไม่รู้เวรกรรมอะไรอีก ต้องมาเจอกับสิ่งที่ทำให้เราแย่ไปตลอด สอบติดมนุษย์อิ้ง เกษตร สอบติดวิศวะคอม ลาดกระบัง แต่แม่ไม่ให้เรียน เพราะยอมรับว่าสมัยมัธยมเป็นคนเรียนดีมาตลอด แต่ม.6 เป็นไรที่เกเรมาก ไม่เอาอะไรเลย ติดเพื่อน ช่วงนั้นสมัยบีบีกำลังฮอตฮิต ติดงอมแงมไม่เป็นอันเรียน ติดศูนย์วิชานึง แม่คงผิดหวัง และคิดว่าเราคงเกเรมากๆ เลยไม่ไว้ใจให้มาเรียนไกล จะให้เรียนอยู่บ้าน เราคิดอยู่นะว่าอยากมาเรียนในกรุงเทพฯ เพราะว่าได้มาเรียนรู้คน งาน และประสบการณ์ และมันก็ได้เยอะจริงๆ ก็เลยตัดสินใจ แอดมิสชั่นเข้ามาสายบริหาร ยื่น แพทคณิตตัวเดียว เพราะช่วงสอบแกท เต็ม 300 ด้วยความที่ไม่เอาเลย ได้ 0 และรอบต่อไปก็ไม่เข้าสอบ แต่รอบแรกที่สอบแพทคณิต คะแนนค่อนข้างสูง เลยยื่นแอดแพทคณิตกับGPSของเราไป คะแนนก็สูงพอที่จะเสี่ยงเข้าสายบริหารมหา'ลัยรัฐชื่อดังแห่งนึง ซึ่งก่อนหน้านี้แม่ให้มาสอบครูที่มหาลัยที่บ้าน แต่เพราะความที่อยากมาอยู่กทม เลยทำข้อสอบมั่ว ก็เลยไม่ติด มาติดรอบแอด ซึ่งสุดท้ายแล้ว แม่ก็ต้องยอมให้มาเรียนที่นี่
หลังจากที่เข้ามามหาลัย เจอแต่ผญ 95% ส่วนผู้ชาย 5% แต่ 4.98% ไม่ใช่ชายจริง คือนับว่าในคณะมีผู้ชายแท้ๆคือผมกับเพื่อนอีกคน(อีกคนก็โลกส่วนตัวสูงไปหน่อย เหมือนเรียนกลับๆ ไม่ได้ใช้ชีวิตแบบผู้ชายทั่วไป) จริงๆผู้ชายมีทั้งหมดประมาณ 4-5 คน แต่ก็ซิ่วออกไปหมดเลย สงสัยคิดเหมือนผม ทำให้ผมลังเลคิดจะซิ่วนะ แต่เสียค่าเทอม ค่าอะไรต่อมิอะไรเยอะแล้ว เกรงใจทางบ้านด้วย เลยเสียเวลามาช่วงปี 2 ปรึกษาแม่ว่าไม่ไหวแล้ว แม่เค้าโอเคนะ แต่ด้วยเพราะปี 2 จะปี 3 แล้ว เลยไม่อยากเป็นภาระให้ทางบ้าน จึงยอมเรียนไปเรื่อยๆ จนเรื่อยๆมาเริ่มรู้ธาตุแท้ของเพื่อนแต่ละคนแล้ว ซึ่งผมเองเป็นคนละเอียดอ่อน จะจับพฤติกรรมของเพื่อนได้ มันเริ่มไม่โอเครเลย ซึ่งตัวผมเองผมมั่นใจนะว่าเป็นเพื่อนที่ดีของทุกๆคนเวลามีเรื่องให้เราช่วย จะเห็นความสำคัญเรา ถึงสนิทหรือไม่สนิทก็ตาม ทำให้เราคิดว่าไม่มีใครจริงใจกับเราได้แน่นอน เพราะเข้ากันยากขึ้นแล้ว ด้วยเพราะเราเป็นผู้ชาย มันทำให้กดดัน การเข้ากลุ่ม การสังคม มัเหมือนเราตัวคนเดียวมากกว่า รู้สึกสังคมใหม่แค่ไหน ก็ไม่มีเพื่อนที่ดีได้อยู่ดี
ย้อนไปเพื่อนสมัยเรียนมัธยม พวกมันดีหมดนะ และคงเป็นเพื่อนได้ตลอด แต่ด้วยระยะทาง แยกย้ายกันไปหมด เจอสังคมใหม่ๆ ทำให้ห่างกันไปโดยปริยาย กลายจะเป็นคนไม่รู้จัก คุยกันน้อยลงมากขึ้น เพราะไม่ได้เจอกันเลย หวังว่าใครหลายๆคนคงจะเข้าใจ ซึ่งก๋ไม่รู้ใครจะเจอประสบการรืเดียวกับผมบ้าง แต่คิดว่าส่วนน้อยจะเจอแบบผมแหละ
จะไม่ให้คิดเลยก็ไม่ได้ เพื่อนมีอิทธิพลกับผมมากนะ อยากจะมีเพื่อนรัก อยากมีเพื่อนที่เป็นแบบเพื่อนคนอื่นๆ เห็นแล้วบางทีก็อิจฉาทำไมเราไม่เป็นแบบเค้าบ้างวะ มันคิดมากอยู่เหมือนกันนะ ไม่รู้จะเริ่มยังไง และจะทำยังไง ให้อาการนี้มันทุเลาลงบ้าง วันที่ผมโพสกระทู้นี้ ผมคงที่สุดแล้วล่ะ เลยตั้งประเด็นมาเล่าให้ฟัง ขอบคุณที่อ่านมาจนจบนะครับ ไม่รุ้จะมีใครเข้าใจผมรึป่าว หรือผมเองที่แตกต่างไม่เหมาะกับสังคมแบบนี้
สังคมของคำว่า"เพื่อน" ที่หาคำว่าแท้ไม่ได้ จริงหรือ?
เริ่มจากสังคมเพื่อน ตัวผมเองมีความเป็นผู้นำสูง จะได้รับมอบหมายให้เป็นผู้นำตลอด แต่ด้วยการเป็นผู้นำ ถ้าในการทำงานเราคือผู้นำกับผู้ตาม ซึ่งผมจะเด็ดขาดมากในการทำงาน และจะไม่เห็นแก่เพื่อน ถ้าตรงไหนไม่ดี ชี้แนะ ติเตือน ผมก็ว่าหน้าที่ของผม ที่ผมทำอยู่มันจะทำให้งานสำเร็จและออกมาด้วยดีเป็นที่น่าพอใจในที่สุด และหลังจากนั้น เพื่อนก็คือเพื่อน เต็มที่ทุกอย่าง รับฟังทุกอย่าง อะไรปรับได้แก้ได้ จะเอามาทบทวน แต่การเป็นผู้นำ มันก็ไม่ได้ดีเสมอไป มันทำให้หลายสิ่งถูกขัดแย้ง ใช่อยู่ว่ารับฟัง แต่เวลาทำอะไรมันออกมาไม่สำเร็จ เราเป็นในหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบ ก็ต้องจัดการเองทั้งหมด พูดได้เลยว่าเหนื่อยในระดับนึง แต่ก็ไม่เคยละเว้นงานอยู่แล้ว พอจัดการออกมาไม่ถูกใจ ก็จะมาคัดค้าน เรื่องเยอะ ด่าทอส่อเสียด วิจารณ์ต่างๆนานา จนทำให้เรารู้สึกว่านี่หรือเพื่อน พูดอะไรบางทีมันก็มากเกินไป ทั้งๆที่ไม่ได้ทำอะไรเลย ลึกๆแอบนอยมากนะ เวลามันคิดยังไงก็จะเสนอให้ทำแบบนั้น พอเราเสนอสิ่งที่ดีกว่า ก็จะพยามเอาพวกให้คิดแบบเดียวกับมัน และนี่เป็นเหตุผลที่ทำให้เกิดความขัดแย้ง ปัญหาค่อนข้างมาก ทำให้เรารู้สึกว่า เพื่อนเกลียดเราป่าวว่ะ? ก็คิดอยู่เหมือนกัน
เรียนมหาวิทยาลัยมา รู้สึกว่าจะไม่มีเพื่อนเลย ก็ไม่รู้เวรกรรมอะไรอีก ต้องมาเจอกับสิ่งที่ทำให้เราแย่ไปตลอด สอบติดมนุษย์อิ้ง เกษตร สอบติดวิศวะคอม ลาดกระบัง แต่แม่ไม่ให้เรียน เพราะยอมรับว่าสมัยมัธยมเป็นคนเรียนดีมาตลอด แต่ม.6 เป็นไรที่เกเรมาก ไม่เอาอะไรเลย ติดเพื่อน ช่วงนั้นสมัยบีบีกำลังฮอตฮิต ติดงอมแงมไม่เป็นอันเรียน ติดศูนย์วิชานึง แม่คงผิดหวัง และคิดว่าเราคงเกเรมากๆ เลยไม่ไว้ใจให้มาเรียนไกล จะให้เรียนอยู่บ้าน เราคิดอยู่นะว่าอยากมาเรียนในกรุงเทพฯ เพราะว่าได้มาเรียนรู้คน งาน และประสบการณ์ และมันก็ได้เยอะจริงๆ ก็เลยตัดสินใจ แอดมิสชั่นเข้ามาสายบริหาร ยื่น แพทคณิตตัวเดียว เพราะช่วงสอบแกท เต็ม 300 ด้วยความที่ไม่เอาเลย ได้ 0 และรอบต่อไปก็ไม่เข้าสอบ แต่รอบแรกที่สอบแพทคณิต คะแนนค่อนข้างสูง เลยยื่นแอดแพทคณิตกับGPSของเราไป คะแนนก็สูงพอที่จะเสี่ยงเข้าสายบริหารมหา'ลัยรัฐชื่อดังแห่งนึง ซึ่งก่อนหน้านี้แม่ให้มาสอบครูที่มหาลัยที่บ้าน แต่เพราะความที่อยากมาอยู่กทม เลยทำข้อสอบมั่ว ก็เลยไม่ติด มาติดรอบแอด ซึ่งสุดท้ายแล้ว แม่ก็ต้องยอมให้มาเรียนที่นี่
หลังจากที่เข้ามามหาลัย เจอแต่ผญ 95% ส่วนผู้ชาย 5% แต่ 4.98% ไม่ใช่ชายจริง คือนับว่าในคณะมีผู้ชายแท้ๆคือผมกับเพื่อนอีกคน(อีกคนก็โลกส่วนตัวสูงไปหน่อย เหมือนเรียนกลับๆ ไม่ได้ใช้ชีวิตแบบผู้ชายทั่วไป) จริงๆผู้ชายมีทั้งหมดประมาณ 4-5 คน แต่ก็ซิ่วออกไปหมดเลย สงสัยคิดเหมือนผม ทำให้ผมลังเลคิดจะซิ่วนะ แต่เสียค่าเทอม ค่าอะไรต่อมิอะไรเยอะแล้ว เกรงใจทางบ้านด้วย เลยเสียเวลามาช่วงปี 2 ปรึกษาแม่ว่าไม่ไหวแล้ว แม่เค้าโอเคนะ แต่ด้วยเพราะปี 2 จะปี 3 แล้ว เลยไม่อยากเป็นภาระให้ทางบ้าน จึงยอมเรียนไปเรื่อยๆ จนเรื่อยๆมาเริ่มรู้ธาตุแท้ของเพื่อนแต่ละคนแล้ว ซึ่งผมเองเป็นคนละเอียดอ่อน จะจับพฤติกรรมของเพื่อนได้ มันเริ่มไม่โอเครเลย ซึ่งตัวผมเองผมมั่นใจนะว่าเป็นเพื่อนที่ดีของทุกๆคนเวลามีเรื่องให้เราช่วย จะเห็นความสำคัญเรา ถึงสนิทหรือไม่สนิทก็ตาม ทำให้เราคิดว่าไม่มีใครจริงใจกับเราได้แน่นอน เพราะเข้ากันยากขึ้นแล้ว ด้วยเพราะเราเป็นผู้ชาย มันทำให้กดดัน การเข้ากลุ่ม การสังคม มัเหมือนเราตัวคนเดียวมากกว่า รู้สึกสังคมใหม่แค่ไหน ก็ไม่มีเพื่อนที่ดีได้อยู่ดี
ย้อนไปเพื่อนสมัยเรียนมัธยม พวกมันดีหมดนะ และคงเป็นเพื่อนได้ตลอด แต่ด้วยระยะทาง แยกย้ายกันไปหมด เจอสังคมใหม่ๆ ทำให้ห่างกันไปโดยปริยาย กลายจะเป็นคนไม่รู้จัก คุยกันน้อยลงมากขึ้น เพราะไม่ได้เจอกันเลย หวังว่าใครหลายๆคนคงจะเข้าใจ ซึ่งก๋ไม่รู้ใครจะเจอประสบการรืเดียวกับผมบ้าง แต่คิดว่าส่วนน้อยจะเจอแบบผมแหละ
จะไม่ให้คิดเลยก็ไม่ได้ เพื่อนมีอิทธิพลกับผมมากนะ อยากจะมีเพื่อนรัก อยากมีเพื่อนที่เป็นแบบเพื่อนคนอื่นๆ เห็นแล้วบางทีก็อิจฉาทำไมเราไม่เป็นแบบเค้าบ้างวะ มันคิดมากอยู่เหมือนกันนะ ไม่รู้จะเริ่มยังไง และจะทำยังไง ให้อาการนี้มันทุเลาลงบ้าง วันที่ผมโพสกระทู้นี้ ผมคงที่สุดแล้วล่ะ เลยตั้งประเด็นมาเล่าให้ฟัง ขอบคุณที่อ่านมาจนจบนะครับ ไม่รุ้จะมีใครเข้าใจผมรึป่าว หรือผมเองที่แตกต่างไม่เหมาะกับสังคมแบบนี้